คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body Parts
Keywords searched by users: ตาเข ภาษาอังกฤษ: เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีจุดมุ่งหมาย Exotropia คือ, Strabismus, Strabismus คือ, ทดสอบ ตาเข, Squint, Squint eye, สายตาเอียง ภาษาอังกฤษ, ตาเหล่
อธิบายเกี่ยวกับตาเข
อธิบายเกี่ยวกับตาเข
ตาเขหรือตาเหล่ (Strabismus) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อดวงตาทั้งสองข้างไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ปัจจัยพันธุกรรม ปัจจัยสภาพแวดล้อม หรือปัจจัยทางพฤติกรรม ซึ่งอาการตาเขอาจเกิดในวัยเด็กหรืออาจเกิดในวัยผู้ใหญ่ได้เช่นกัน [1].
สาเหตุของตาเขสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท ซึ่งรวมถึง:
- ปัจจัยพันธุกรรม: บางครั้งตาเขอาจเกิดขึ้นเนื่องจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดได้จากพ่อแม่ไปยังลูก [2].
- ปัจจัยสภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมรอบข้างที่ไม่เหมาะสมอาจมีผลต่อการพัฒนาของดวงตา อย่างเช่นการเกิดความผิดปกติในกล้ามเนื้อตา หรือการเกิดความผิดปกติในโครงสร้างของตา [1].
- ปัจจัยทางพฤติกรรม: การใช้สมองและกล้ามเนื้อตาไม่สมดุลกันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดตาเข อาจเกิดจากการใช้สมองในการมองหาวัตถุหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่สมดุลระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง [2].
อาการของตาเขอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของตาเข แต่อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ:
- ตาเขข้าม: ดวงตาที่เข้าด้านในหรือเข้าด้านนอก
- ตาเขไว้: ดวงตาที่เข้าด้านในหรือเข้าด้านนอกและตาที่ไม่เคลื่อนไหว
- ตาเขขึ้น: ดวงตาที่เคลื่อนไหวขึ้น
- ตาเขลง: ดวงตาที่เคลื่อนไหวลง
การรักษาตาเขขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล แต่อาจรวมถึงการรัอธิบายเกี่ยวกับตาเข
ตาเขหรือตาเหล่ (Strabismus) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อดวงตาทั้งสองข้างไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ปัจจัยพันธุกรรม ปัจจัยสภาพแวดล้อม หรือปัจจัยทางพฤติกรรม ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของดวงตาที่ไม่ปกติได้
สาเหตุของตาเขสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทดังนี้:
- ปัจจัยพันธุกรรม: บางครั้งตาเขอาจเกิดขึ้นเนื่องจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่หรือภาวะที่เกิดขึ้นในระยะเด็กเล็ก [1].
- ปัจจัยสภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมหรือเกิดความเครียดในช่วงเด็กเล็กอาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของดวงตาที่ไม่ปกติ [1].
- ปัจจัยทางพฤติกรรม: การใช้สมองและกล้ามเนื้อดวงตาไม่สมดุลกัน อาจเกิดจากการใช้สมองและกล้ามเนื้อดวงตาในทิศทางที่ไม่เสมอกัน เช่น การใช้สมองและกล้ามเนื้อดวงตาในทิศทางเดียวกันเป็นเวลานาน [2].
อาการของตาเขสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทดังนี้:
- ตาเขเข้าด้านใน (Esotropia): ตาเขข้าด้านในเมื่อมองตรง ส่วนอีกข้างมองออกด้านนอก [1].
- ตาเขข้าม (Exotropia): ตาเขข้ามเมื่อมองตรง ส่วนอีกข้างมองออกด้านใน [1].
- ตาเขออกหรือตาเล็กน้อย (Hypertropia): ตาเขออกหรือตาเล็กน้อยเมื่อมองตรง ส่วนอีกข้างมองลงหรือขึ้น [1].
การรักษาตาเขอาจแบ่งออกเป็นหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
Learn more:
สาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อตาเข
สาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อตาเข
ตาเขหรือตาเหล่เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของดวงตาทำให้ไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และมีหลายสาเหตุที่ส่งผลต่อการเกิดโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อน ดังนี้:
-
สาเหตุทางพันธุกรรม: บางครั้งโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อนอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้อาจทำให้เกิดโอกาสเป็นโรคตาเขได้มากขึ้น [1].
-
ปัจจัยทางสภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อการพัฒนาของดวงตา ตัวอย่างเช่นการใช้สมองในการมองตามหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน การอยู่ในสภาวะแสงสว่างที่ไม่เพียงพอหรือสภาวะแสงมืดที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคตาเขได้ [2].
-
ปัจจัยทางสุขภาพ: บางครั้งโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อนอาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยทางสุขภาพ เช่น การเกิดโรคทางระบบประสาทหรือสมอง โรคกล้ามเนื้อตาผิดปกติ หรือภาวะค่าสายตาผิดปกติ [1].
-
ปัจจัยทางจิตใจและอารมณ์: บางครั้งความเครียดหรือความวิตกกังวลอาจส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อตา ทำให้เกิดโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อนได้ [2].
การรักษาโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสาเหตุที่เกิดโรค การรักษาสามารถทำได้หลายวิธี เช่น:
- การใส่แว่นสาสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อตาเข
ตาเขหรือตาเหล่เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของดวงตาทำให้ไม่สามารถมองเห็นในทิศทางเดียวกันได้ โรคนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุและปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อตาและสมอง ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจและรับรู้เกี่ยวกับสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อตาเขได้มากขึ้น จึงมีข้อมูลดังนี้:
-
สาเหตุทางกล้ามเนื้อตา: โรคตาเขส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อตาที่ควบคุมการกลอกตา สาเหตุอาจมาจากโรคกล้ามเนื้อตาผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือโรคกล้ามเนื้อตาที่ไม่ทำงานได้เต็มที่ [1].
-
สาเหตุทางสมองและระบบประสาท: ความผิดปกติที่เกี่ยวกับสมองและระบบประสาทอาจเป็นสาเหตุของโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อน อาจเกิดจากโรคทางระบบประสาท เช่น โรคทางสมอง เส้นประสาทที่ควบคุมการกลอกตา หรือโรคตาไทรอยด์ [1].
-
สาเหตุทางตา: บางครั้งโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อนอาจเกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุทางตาเอง อาจเกิดจากภาวะค่าสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้นหรือสายตายาว หรืออาจเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด [1].
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อตาเข: นอกจากสาเหตุทางการแพทย์ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการเกิดโรคตาเข ตาเหล่ ตาส่อนได้ เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เช่น การใช้สมาร์ทโฟนหรืออุป
Learn more:
อาการและอาการแสดงของตาเข
อาการและอาการแสดงของตาเข
โรคตาเขหรือตาส่องเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของกล้ามเนื้อตา ทำให้ตาไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยอาการของโรคตาเขอาจเป็นตลอดเวลาหรือเป็น ๆ หาย ๆ อาการและอาการแสดงของโรคตาเขอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของโรค ดังนี้:
-
ตาเขออก (Exotropia): ตาเขอออกจากแกนมองตรง อาจเกิดทั้งในตอนที่เห็นได้ชัดและเป็นระยะเวลา หรือเกิดเมื่อตาเหล่หรือเมื่อมีการเพลิดเพลิน อาการแสดงที่พบได้คือ ตาเขอออกไปทางด้านข้าง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งตาเดียวหรือทั้งสองตา [1].
-
ตาเขเข้า (Esotropia): ตาเขเข้ามาใกล้กันเกินไป อาจเกิดทั้งในตอนที่เห็นได้ชัดและเป็นระยะเวลา หรือเกิดเมื่อตาเหล่หรือเมื่อมีการเพลิดเพลิน อาการแสดงที่พบได้คือ ตาเขเข้ามาใกล้กันเกินไป ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งตาเดียวหรือทั้งสองตา [1].
-
ตาเขขึ้น (Hypertropia): ตาเขขึ้นสูงกว่าตาอีกข้างหนึ่ง อาจเกิดทั้งในตอนที่เห็นได้ชัดและเป็นระยะเวลา หรือเกิดเมื่อตาเหล่หรือเมื่อมีการเพลิดเพลิน อาการแสดงที่พบได้คือ ตาเขขึ้นสูงกว่าตาอีกข้างหนึ่ง [1].
-
ตาเขลง (Hypotropia): ตาเขลงต่ำกว่าตาอีกข้างหนึ่ง อาจเกิดทั้งในตอนที่เห็นได้ชัดและเป็นระยะเวลา หรือเกิดเมื่อตาเหล่หรือเมื่อมีการเพลิดเพลิน อาการแสดงที่พบได้คือ ตาเขลงต่ำกว่าตาอีกข้างหนึ่ง [1].
อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในระยะเวลาที่เห็อาการและอาการแสดงของตาเข
โรคตาเขหรือตาส่องเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของกล้ามเนื้อตา ทำให้ตาไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยอาการของโรคตาเขอาจเป็นตลอดเวลาหรือเป็น ๆ หาย ๆ อาการและอาการแสดงของโรคตาเขอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของโรค ดังนี้:
-
ตาเขออก (Exotropia): ตาเขออกคืออาการที่ตาเขอออกไปจากแกนที่ถูกต้อง อาจเกิดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ อาการแสดงที่พบได้รวมถึง:
- ตาเขอออกไปจากแกนที่ถูกต้อง
- มองวัตถุด้วยตาเขอออกไปจากแกนที่ถูกต้อง
- อาจมีอาการเหนื่อยตาหรือปวดตา
-
ตาเขเข้า (Esotropia): ตาเขเข้าคืออาการที่ตาเขเข้ามาใกล้กันเกินไป อาการแสดงที่พบได้รวมถึง:
- ตาเขเข้ามาใกล้กันเกินไป
- มองวัตถุด้วยตาเขเข้ามาใกล้กันเกินไป
- อาจมีอาการเหนื่อยตาหรือปวดตา
-
ตาเขขึ้น (Hypertropia): ตาเขขึ้นคืออาการที่ตาเขขึ้นไปสูงกว่าตาอีกข้างหนึ่ง อาการแสดงที่พบได้รวมถึง:
- ตาเขขึ้นไปสูงกว่าตาอีกข้างหนึ่ง
- มองวัตถุด้วยตาเขขึ้นไปสูงกว่าตาอีกข้างหนึ่ง
- อาจมีอาการเหนื่อยตาหรือปวดตา
-
ตาเขลง (Hypotropia): ตาเขลงคืออาการที่ตาเขลงลงมาต่ำกว่าตาอีกข้างหนึ่ง อาการแสดงที่พบได้รวมถึง:
- ตาเขลงลงมาต่ำกว่าตาอีกข้างหนึ่ง
- มองวัตถุด้วยตาเขลงลงมาต่ำกว่าตาอีกข้างหนึ่ง
- อาจมีอาการเหนื่อยตาหรือปวดตา
อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในระย
Learn more:
การวินิจฉัยและการวินิจฉัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
การวินิจฉัยและการวินิจฉัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องเป็นกระบวนการที่ใช้ในการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์หรือปัญหาต่างๆ เพื่อให้มีการตัดสินใจหรือการแก้ไขที่เหมาะสม ในบทความนี้เราจะพูดถึงการวินิจฉัยและการวินิจฉัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องใน Microsoft 365 และ Windows ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของเรา [1][2].
การวินิจฉัยใน Microsoft 365:
ใน Word, Excel, PowerPoint, Outlook, OneNote, Project หรือ Visio คุณสามารถตั้งค่าระดับของข้อมูลการวินิจฉัยที่คุณต้องการได้ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เปิดแอปพลิเคชันที่คุณต้องการตั้งค่า ยกตัวอย่างเช่น Word.
- ไปที่เมนู ไฟล์ > บัญชี > จัดการการตั้งค่า.
- เลือกระดับของข้อมูลการวินิจฉัยที่คุณต้องการ.
การวินิจฉัยใน Windows:
ใน Windows คุณสามารถตั้งค่าการวินิจฉัยและความเป็นส่วนตัวได้ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เปิดแอปพลิเคชันที่คุณต้องการตั้งค่า ยกตัวอย่างเช่น Word.
- ไปที่เมนู การตั้งค่า > การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว.
- ย้ายตัวสลับ ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม เป็นเปิดหรือปิดตามที่คุณต้องการ.
การวินิจฉัยและข้อเสนอแนะใน Windows:
Windows ใช้ข้อมูลการวินิจฉัยและข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของมัน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ การตั้งค่า และการใช้งาน เพื่อให้ Microsoft สามารถทำการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ [2].
Learn more:
วิธีการรักษาและการจัดการตาเข
วิธีการรักษาและการจัดการตาเข
ตาเขเป็นอาการที่ทำให้ดวงตาไม่สามารถมองเห็นในทิศทางเดียวกันได้ อาการนี้อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น การเกิดความผิดปกติในกล้ามเนื้อตา การเกิดความผิดปกติในโครงสร้างของดวงตา หรือเกิดจากปัจจัยที่ส่งผลต่อการเห็น เช่น การใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน การอ่านหนังสือหรืองานที่ต้องมองเห็นในระยะเวลานานๆ และอื่นๆ [1].
วิธีการรักษาและการจัดการตาเขมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้:
-
การใช้แว่นตา: หากตาเขเกิดจากความผิดปกติในการมองเห็น เช่น สายตาสั้นหรือสายตายาว แพทย์อาจแนะนำให้ใช้แว่นตาเพื่อช่วยปรับแก้ปัญหานี้ [2].
-
การฝึกสายตา: การฝึกสายตาเป็นวิธีที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อตาและปรับปรุงการมองเห็น โดยมีการฝึกตาเข้าด้านใน ตาเข้าด้านนอก ตาเข้าด้านบน และตาเข้าด้านล่าง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา [2].
-
การป้องกันแสงสว่าง: การป้องกันแสงสว่างที่เข้มข้นเกินไปอาจเป็นสาเหตุของตาเข ควรเลือกใช้แว่นกันแสงสำหรับการทำงานที่ต้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแสงสว่างเข้มโดยไม่มีการป้องกัน [2].
-
การพักผ่อนตา: การให้ตาพักผ่อนเป็นเวลาพอสมควรจะช่วยลดอาการตาเข ควรพักผ่อนตาเมื่อทำงานหรืออ่านหนังสือเป็นเวลานานวิธีการรักษาและการจัดการตาเข
ตาเขเป็นอาการที่ทำให้ดวงตาไม่สามารถมองเห็นในทิศทางเดียวกันได้ อาการนี้อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การเจ็บป่วยหรืออาการผิดปกติทางสมอง การรักษาและการจัดการตาเขจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการที่เกิดขึ้น ดังนั้น การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม [1].
นอกจากการปรึกษาแพทย์แล้ว ยังมีวิธีการรักษาและการจัดการตาเขที่สามารถทำได้เองเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ดังนี้:
-
การใช้แว่นตา: หากตาเขเกิดจากการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน เช่น สายตาสั้นหรือสายตายาว การใช้แว่นตาที่เหมาะสมสามารถช่วยปรับปรุงการมองเห็นได้ [2].
-
การฝึกสายตา: การฝึกสายตาเป็นวิธีที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อตาและปรับปรุงการมองเห็น ซึ่งสามารถทำได้โดยการทำกิจกรรมที่เน้นการมองเห็น เช่น การอ่านหนังสือหรือการเล่นเกมที่ต้องใช้การมองเห็น [2].
-
การรักษาโรคอื่น ๆ: หากตาเขเกิดจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคตาหลอดหลุด หรือโรคตาเสื่อม การรักษาโรคหลักนี้จะช่วยลดอาการตาเขได้ [3].
-
การป้องกันและการดูแลตา: การดูแลตาอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการตาเข คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อรักษาและป้องกันอาการตาเขได้:
- รักษาสุขภาพทั่วไปอย่างดี รวมถึงการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์สำหรับสายตา เช่น ผักใบเขียวและผลไม้ที่มีวิตามิน A, C, E และสาร
Learn more:
Categories: รวบรวม 76 ตาเข ภาษาอังกฤษ
คำนิยาม Strabismus หรือตาเข ตาเหล่ คือ ภาวะที่ตาทั้งสองข้างไม่มองไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของ binocular vision หรือความผิดปกติของ neuromuscular control. อุบัติการณ์ตาเหล่ (Strabismus) คืออะไร
ตาเหล่ คือ ภาวะที่ตาข้างใดข้างหนึ่งเขเข้าใน ออกนอก ขึ้นบน หรือลงล่าง ภาวะตาเหล่นอกจากเกี่ยวข้องกับความสวยงามแล้ว ยังอาจเป็นสาเหตุให้ระดับการมองเห็นด้อยกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า ตาขี้เกียจ (แอมไบลโอเปีย) และยังขัดขวางพัฒนาการมองเห็นภาพ 3 มิติ ของเด็กได้ตาเหล่ออก (อังกฤษ: Exotropia) เป็นรูปแบบหนึ่งของอาการตาเหล่ที่ตาเบนออกด้านข้าง โดยเป็นอาการตรงข้ามกับตาเหล่เข้า (esotropia) คนที่ตาเหล่ออกมักจะเห็นภาพซ้อน (diplopia) ตาเหล่ออกเป็นบางครั้งบางคราวมักจะเป็นเรื่องสามัญ โดยอาการ Sensory exotropia (ตาเหล่ออกเหตุระบบรับความรู้สึก) จะเกิดเพราะสายตาไม่ดี ส่วนอาการตาเหล่เข้าใน …
- ตาเขเข้าใน คือภาวะที่ตาดำของผู้ป่วยเขเข้าหาจมูกของตนเอง (รูปที่ 2)
- ตาเขออกนอก คือภาวะที่ตาดำของผู้ป่วยเขออกจากจมูกของตนเอง (รูปที่ 3)
- ตาเขขึ้นบนหรือลงล่าง คือภาวะที่ตาดำของผู้ป่วยเขขึ้นบนหรือลงล่าง (รูปที่ 4 และ 5)
ตาเหล่ | [tālē] (v) EN: has a squint FR: loucher ; bigler (fam.) |
---|---|
ตาเหล่ | [tālē] (adj) EN: cross-eyed |
See more: bdsdreamland.net/category/tech
Strabismus คือโรคอะไร
Strabismus คืออะไร?
โรคตาเหล่ (Strabismus) เป็นภาวะที่ตาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างของบุคคลเข้าหรือออกจากตำแหน่งปกติ หรือเคลื่อนที่ขึ้นบนหรือลงล่าง โดยที่ตาอีกข้างหนึ่งยังคงอยู่ในตำแหน่งปกติ [1]. โรคตาเหล่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับความสวยงามของใบหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ระดับการมองเห็นลดลงเมื่อเทียบกับคนปกติ และอาจเป็นสาเหตุของโรคตาขี้เกียจหรือแอมบลิโอเปีย (Amblyopia) ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถขัดขวางการพัฒนาการมองเห็นภาพสามมิติของเด็กได้ [1].
สาเหตุของโรคตาเหล่
โรคตาเหล่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อตาหรือสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของตา [1]. สาเหตุที่เกิดโรคตาเหล่อาจมีหลายปัจจัย เช่น โรคกล้ามเนื้อตาผิดปกติ โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โรคทางระบบประสาทและสมอง โรคตาไทรอยด์ ภาวะค่าสายตาผิดปกติ หรืออาจเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด [1].
อาการของโรคตาเหล่
โรคตาเหล่มักจะแสดงอาการต่อไปนี้ [1]:
- ตาเขขึ้นหรือตาเขลง
- ตาเขออกหรือตาเขเข้า
- ภาพซ้อน ผู้ป่วยจะมองเห็นวัตถุเป็น 2 ภาพ
- ปวดเมื่อยตาล้า
- หน้าเอียงหรือคอเอียง
- กลอกตาได้ไม่สุด
การวินิจฉัยและการรักษาโรคตาเหล่
การวินิจฉัยโรคตาเหล่จำเป็นต้องได้รับการตรวจประเมินจากจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตาเขอย่างทันท่วงที [1]. การรักษาโรคตาเหล่ขึ้นอยู่กStrabismus คืออะไร?
โรคตาเหล่ (Strabismus) เป็นภาวะที่ตาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างเข้าหรือออกจากตำแหน่งปกติ หรือเคลื่อนที่ขึ้นบนหรือลงล่าง โดยที่ตาไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ [1]. โรคตาเหล่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับความสวยงามของตาเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นสาเหตุให้ระดับการมองเห็นลดลง หรือเกิดภาวะตาขี้เกียจ (แอมบลิโอเปีย) ซึ่งเป็นภาวะที่ตาไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนเมื่อมีการใช้งานร่วมกัน และอาจขัดขวางการพัฒนาการมองเห็นภาพสามมิติของเด็กได้ [1].
สาเหตุของโรคตาเหล่
โรคตาเหล่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อตาหรือสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของตา [1]. สาเหตุที่เกิดโรคตาเหล่อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น โรคกล้ามเนื้อตาผิดปกติ โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โรคทางระบบประสาทและสมอง โรคตาไทรอยด์ ภาวะค่าสายตาผิดปกติ หรืออาจเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด [1].
อาการของโรคตาเหล่
- ตาเขออก หรือตาเขเข้า
- ตาเขขึ้น หรือตาเขลง
- ภาพซ้อน ผู้ป่วยจะมองเห็นวัตถุเป็น 2 ภาพ
- ปวดเมื่อยตาล้า
- หน้าเอียง หรือคอเอียง
- กลอกตาได้ไม่สุด [1].
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยโรคตาเหล่จะใช้การตรวจประเมินจากจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตาเขอย่างทันท่วงที [1]. การรักษาโรคตาเหล่ขึ้นอยู่กับชนิดของตาเหล่และสาเหตุการเกิดโรค การรัก
Learn more:
Exotropia คืออะไร
Exotropia คืออะไร?
Exotropia หรือ ตาเหล่ออก เป็นรูปแบบหนึ่งของอาการตาเหล่ที่ตาเบนออกด้านข้าง โดยเป็นอาการตรงข้ามกับตาเหล่เข้า (esotropia) [1]. คนที่มี exotropia จะมีตาที่เหล่อออกไปด้านนอก ซึ่งอาจทำให้เห็นภาพซ้อน (diplopia) ได้ [2]. อาการ exotropia บางครั้งอาจเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และบางครั้งอาจเป็นเรื่องสามัญ [2].
อาการของ Exotropia:
- ตาเหล่ออกเป็นบางครั้งบางคราว อาจเกิดเมื่อเด็กกำลังฝันกลางวัน รู้สึกไม่สบาย หรือเหนื่อย [2].
- อาจมองเห็นได้ง่ายเมื่อกำลังมองอะไรไกล ๆ [2].
- การหรี่ตาหรือการถู/ขยี้ตาบ่อย ๆ ก็เป็นอาการที่พบได้บ่อยครั้ง [2].
- เด็กอาจปิดตาข้างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหา [2].
- ความตาเหล่ออกอาจเป็นมากขึ้นและเป็นนานขึ้นเมื่อเด็กโตขึ้น [2].
- ถ้าไม่ได้รับการรักษา ตาจะเหล่อออกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้เสียการเห็นใกล้ไกล [2].
Learn more:
See more here: bdsdreamland.net
สารบัญ
สาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อตาเข
อาการและอาการแสดงของตาเข
การวินิจฉัยและการวินิจฉัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
วิธีการรักษาและการจัดการตาเข